วิธีแรก : คือสัมภาษณ์
เริ่มจากการเฟ้นหา ลูกค้าตัวจริงของคู่แข่งขันหลักที่คุณสนใจ แล้วสัมภาษณ์แบบเจาะลึกเพื่อเข้าใจคู่แข่ง ในทุกๆด้าน เช่น Customer Journey ทั้งหมด รวมถึงทัศนคติที่มีต่อแบรนด์นั้นๆและแบรนด์ของเรา ที่สำคัญคุณต้องเข้าใจว่าอะไรเป็นอุปสรรคทำให้ลูกค้าคนนั้นไม่ซื้อของเรา เมื่อคุณเข้าใจปัญหา คราวนี้คุณจะเริ่มแก้ปัญหาถูกจุด เช่น ปัญหามันอาจจะอยู่ที่สินค้า อยู่ที่บริการของเรา หรืออยู่ที่ความรู้ ความเข้าใจผิดในคุณลักษณะบางอย่างของสินค้าเรา
ดังนั้น ธุรกิจไม่ควรมุ่งมั่นทำการตลาดหรือสื่อสารทันที โดยที่ไม่ยังไม่เข้าใจลึกซึ้งว่าคนที่ไม่ซื้อของเรา เพราะปัญหาอะไร แล้วคู่แข่งเจ๋งกว่าตรงไหน ?
วิธีที่สอง : การสังเกต
ในส่วนนี้จะทำให้เราเห็นอะไรที่เรียกว่า Unspoken Truth ได้ดี เพราะบางอย่างการพูดคุยอย่างเดียว ไม่สามารถอธิบายทั้งหมดได้ เช่น ไปสังเกตคนที่ซื้อของในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สำหรับอุปกรณ์ไอที ประเภทสายชาร์ทโทรศัพท์มือถือ เมื่อสัมภาษณ์ในห้อง Focus Group เราพบว่าทุกคนมีเหตุผลในการเลือกซื้อสินค้าไอที เช่น ทนทานไม่เสียง่าย ไม่ช็อต ชาร์ทได้เร็ว และเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย แต่เมื่อไปสังเกตที่ร้านจริงๆ เราพบว่าinsight ที่ซ่อนมากกว่านั้นคือ การกระตุ้นของสิ่งเร้าบนชั้นวางสินค้า เช่น การตีความจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ หน้าตารูปลักษณ์ของสินค้าเราเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน การจัดชั้นวาง การใช้ศัพท์ทางเทคนิคที่ลูกค้าไม่เข้าใจ ทั้งหมดนี้มีผลกับลูกค้ามาก เป็นต้น
ดังนั้นมีความลับมากมาย ซ่อนอยู่ในชีวิตผู้บริโภค หากคุณมีโอกาส แนะนำให้ลองไปสังเกต
เพื่อหามุมมองใหม่ๆในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงแง่มุมในการสื่อสาร
วิธีที่สาม : ลองเป็นลูกค้าเองจริงๆ
สิบปากกว่าไม่เท่าตาเห็น และตาเห็นไม่เท่าลงมือทำ ดังนั้นไม่ได้อะไรจะอินเท่ากับ การได้ลองรับประสบการณ์ตรง ในบางกรณีเราต้องล้วงความลับคู่แข่ง ด้วยการเป็นลูกค้าของคู่แข่งเอง คุณจะได้ลึกซึ้งว่าคู่แข่งคุณดูแลลูกค้าแบบไหน มีจุดอ่อน หรืออะไรที่น่าสนใจบ้าง
อย่ามองคู่แข่งแค่ห่างๆ คุณจะแย่งลูกค้าเขายาก ถ้าไม่เข้าใจเขาจริงๆ
สุดท้าย ข้อควรระวังในการมองคู่แข่งขัน
สิ่งที่ควรระวังคือ การศึกษาคู่แข่งขัน เราศึกษาเพื่อเข้าใจ และไม่ใช่ศึกษาเพื่อเลียนแบบ หรือลอกตาม มีแบรนด์จำนวนมาก ที่พยายามทำตามคู่แข่งทุกอย่าง พอคู่แข่งออกสินค้าใหม่ก็พยายามออก พอมีโฆษณาใหม่ก็พยายามตาม ทุกสิ่ง อันนี้ไม่โอเค และมุมมองแบบนี้ เราจะเป็น Follower ทันที เพราะไม่เคยริเริ่มทำสิ่งใหม่ในตลาด และขอบอกเลยว่า ลูกค้าก็สัมผัสได้นะคะ ว่าเราเป็นผู้นำ หรือผู้ตามกันแน่ เพราะมันสะท้อนจาก marketing activities ที่เราทำในตลาด (หรือ Brand Behave)
ดังนั้นทั้งหมดนี้ เราศึกษาเพื่อเข้าใจนะคะ เพื่อให้เราสร้างสิ่งใหม่ที่มีคุณค่าและแตกต่างอย่างเหนือชั้นจากคู่แข่ง