ข่าวสาร

การเขียนแผนธุรกิจ

การเขียนแผนธุรกิจ
คือ การถ่ายทอดความคิดเป็นตัวหนังสือ ตัวเลข กร๊าฟ และแผนภาพ ในกิจกรรมที่ทำแล้วเกิดผล กำไร
ทำไมต้องเขียนแผนธุรกิจ
1.ช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่จะทำได้ชัดเจน เป็นระบบ ลดข้อผิดพลาด
2.ทำให้คนอื่น (ผู้ร่วมลงทุน เพื่อนร่วมงาน ผู้สนับสนุนทุน เป็นต้น) เข้าใจว่าเรากำลังจะทำอะไร
3.เป็นแผนที่นำทางในการทำงานในอนาคต
แผนธุรกิจที่ดี เมื่ออ่านแล้วควรจะต้องสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
1.การก่อตั้งธุรกิจเป็นรูปร่างชัดเจนขนาดไหน เสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยัง
2.ธุรกิจนี้น่าลงทุนหรือไม่
3.ธุรกิจที่จะทำมีแนวโน้มหรือโอกาสที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่เมื่อแรกตั้งมากน้อยขนาดไหน
4.ธุรกิจนี้มีความได้เปรียบหรือความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวมากน้อยเพียงใด
5.สินค้าที่จะผลิตที่มีประสิทธิภาพเพียงใด
6.สินค้าที่ผลิตสามารถวางตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด
7.วิธีการผลิตและการวางตลาดสินค้านั้น มีทางเลือกอื่นๆ ที่ประหยัดได้มากกว่าหรือไม่

8.หน้าที่ต่างๆ เช่นการผลิต การจำหน่าย การจัดการทางการเงิน การจัดการคน มีการจัดการที่ดีเหมาะสมเพียงใด
9.จำนวนและคุณภาพของพนักงานที่ต้องการมีเพียงพอหรือไม่

ดังนั้นการจะเขียนแผนธุรกิจจึงจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมขั้นพื้นฐานก่อน ดังต่อไปนี้

  1. บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
    บทสรุปผู้บริหาร เป็นส่วนที่สรุปภาพรวมของแผนธุรกิจนั้นๆไว้ ซึ่งมีความสำคัญมากเพราะเป็นส่วนที่ผู้ร่วมทุน และสถาบันการเงินจะอ่านก่อนเป็นอย่างแรก และตัดสินใจว่าจะอ่านต่อจนจบหรือไม่ ผู้ประกอบการจึงควรสละเวลาเป็นพิเศษในการทำให้บทสรุปผู้บริหารนี้น่าเชื่อ ถือ หนักแน่น และน่าติดตาม โดยเน้นหนักเรื่อง
  • ลักษณะและแนวคิดของธุรกิจ
  • โอกาสและกลยุทธ์หลักที่ใช้
  • กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและการคาดคะเนลูกค้าเป้าหมาย
  • ความได้เปรียบเชิงแข่งขันของธุรกิจ
  • ความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจ และความสามารถในการทำกำไร
  • ทีมผู้บริหาร
    -ข้อเสนอผลตอบแทน (กรณีหาแหล่งทุนภายนอก)
  1. ประวัติย่อของกิจการ
    ประวัติย่อของกิจการ เป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ
    -ประวัติกิจการ/ผู้ประกอบการอย่างสั้น
    -สถานที่ตั้งของกิจจการของเรา
    -วิสัยทัศน์ (Vision)
    -ระบุสิ่งที่ใฝ่ฝันอยากให้องค์กรเป็นในอนาคตข้างหน้า
    -เราคือใคร? เราจะทำอะไร? เราจะมุ่งหน้าไปที่ไหน?
    -ภารกิจหลัก (Mission) หรือ พันธกิจ
    -กรอบในการดำเนินงานขององค์กร
    -ลูกค้าของเราคือใคร? เราจะต้องทำอะไร? ทำอย่างไร? เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า)
  2. การวิเคราะห์สถานการณ์
    การวิเคาระห์สถานการณ์ การวิเคราะห์สถานการณ์เป็นข้อมูลที่จำเป็นในการกำหนดทิศทาง กลยุทธิ์ และแผนการดำเนินงานของกิจการ จึงเป็นงานอันดับแรกที่คุณควรกระทำ เครื่องมือที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์นั้นเรียกว่า SWOT Analysis ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยภายในอย่างจุดแข็ง (Strength) และ จุดอ่อน (Weaknesses) ของกิจการ รวมไปถึงโอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก
  3. วัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจ
    วัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจ คือ ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่กิจการต้องได้รับในช่วงระยะเวลาของแผนนั่นเอง การวางแผนเป้าหมายทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือนั้นคุณจะต้องแสดงให้เห็นความเป็น ไปได้ ที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น
    -ระบุสิ่งที่จะต้องทำให้ประสบผลสำเร็จ อาจแบ่งออกเป็นวัตถุประสงค์ระยะสั้นและระยะยาวหรืออาจแบ่งออกเป็นวัตถุประสงค์ด้านการตลาด ด้านการผลิต ด้านการเงิน ฯลฯ -เป้าหมาย (Goal) ระบุตัวชี้วัดสำหรับวัตถุประสงค์ในแต่ละข้อ
  4. แผนการตลาด
    แผนการตลาด การเขียนแผนการตลาด ผู้เขียนจะต้องอาศัยการวิเคราะห์สถานการณ์ ร่วมกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายทางธุรกิจที่ได้กล่าวไปในข้อ 3 และข้อสี่ เพื่อใช้หาเป้าหมายทางการตลาด ทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายนั้น และสร้างกลยุทธ์ต่างๆ เช่น
    -ยอดขาย (Sales Value)
    -ปริมาณขาย (Sales Volume)
    -ส่วนแบ่งตลาด (Market Share)
    -การเจริญเติบโตของตลาด (Market Growth)
    -ฐานลูกค้า (Customer Share)
    -ระดับความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction)
    -อัตราการกลับมาซื้อซ้ำ (Re-purchase Rate)
  5. แผนการผลิต
    การเขียนแผนการผลิตนี้ผู้เขียนจำเป็นต้องเขียนเรื่องแผนการผลิตและการ ปฏิบัติให้ละเอียด เพราะมันเป็นสิ่งที่สะท้อนความสามารถของกิจการในการจัดการกระบวนการผลิตและ ปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ที่สำคัญต้องมุ่งเน้นประเด็นการจัดการระบบการแปลงสภาพวัตถุดิบและทรัพยากรใน การผลิตให้เป็นผลผลิต ซึ่งในที่นี้คือจำนวนหรือมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตได้นั่นเอง เช่น
    -กระบวนการผลิต
    -สินทรัพย์ถาวรที่ใช้ในการผลิต อายุการใช้งาน และเงินลงทุน
    -กำลังการผลิตที่วางไว้
    -ที่ตั้งโรงงานและการวางผังโรงงาน
    -รายการวัตถุดิบ จำนวนที่ใช้ และต้นทุนวัตถุดิบ
    -แรงงาน ตำแหน่งงาน คุณสมบัติของแรงงาน
    -ต้นทุนแรงงาน
    -ค่าใช้จ่ายโรงงาน
    -สรุปต้นทุนการผลิต (นำไปปรับปรุงราคาในแผนการตลาด)

7.แผนการจัดการและแผนคน
ส่วนนี้คือการเขียนแผนผังโครงสร้างขององค์กรนั่นเอง ผู้จัดทำแผนจะต้องระบุตำแหน่ง หน้าที่ และประโยชน์ของหน่วยงานในองค์กร เช่น
-รูปแบบธุรกิจ
-โครงสร้างองค์กร (ผังองค์กร)
-ประสบการณ์ทางธุรกิจและคุณสมบัติของผู้ประกอบการ
-กิจกรรมก่อนเริ่มดำเนินการ และค่าใช้จ่าย
-ที่ตั้งสำนักงาน และสาขา (ถ้ามี)
-อุปกรณ์สำนักงาน และอายุการใช้งาน
-ค่าใช้จ่ายในการบริหาร

  1. แผนการเงิน
    แผนการเงิน แผนการเงินจะประกอบด้วยสมมติฐานต่างๆทางการเงิน เช่น
    -เงินทุนที่ต้องการ (ต้นทุนโครงการ)
    -แหล่งเงินทุน (แผนการลงทุนและการกู้เงิน)
    -ประมาณการจุดคุ้มทุน
    -ประมาณการงบกำไรขาดทุน
    -ประมาณการงบดุล
    -ประมาณการงบกระแสเงินสด
    -การชำระคืนเงินกู้หรือการจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ลงทุน
    -การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
    แผนการเงินนั้นมีส่วนช่วยให้ผู้ร่วมลงทุนและสถานบันการเงินเกิดความมั่นใจ เพราะถ้าหากเราตั้งสมมติฐานทางการเงินอย่างสมเหตุสมผลเราก็จะดูน่าเชื่อถือ ในทางตรงกันข้ามถ้าเราตั้งสมมติฐานทางการเงินไม่สมเหตุสมผลก็จะทำให้เราดู อ่อนประสบการณ์ไปโดยปริยาย
  2. แผนการดำเนินงาน
    แผนการดำเนินการ คือการจัดทำรายละเอียดของกลยุทธ์แต่ละด้านให้เป็นรูปธรรมนั่นเอง ผู้ประกอบการอาจจะสร้างเป็นตารางแจกแจงให้เห็นเป้าหมาย กลยุทธ์ วิธีการ งบประมาณ และระยะเวลาดำเนินการ เป็นรายเดือนหรือรายปี เช่น
    -จัดทำรายละเอียดกิจกรรมที่ต้องทำ
    -แบ่งตามช่วงเวลา
    -ระบุงบประมาณ
    -ระบุวิธีการวัดผล ประเมินผลกิจกรรม
    -ระบุผู้รับผิดชอบ
  3. แผนฉุกเฉิน
    แผนฉุกฉิน เป็นแผนสุดท้ายที่จำเป็นต้องมีเพื่อเอาไว้รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ได้ คิดไว้ล่วงหน้าหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น คู่แข่งขายสินค้าตัดราคา สินค้าถูกเลียนแบบ หรือวัตถุดิบไม่เพียงพอ ซึ่งอาจทำให้กิจการได้รับผลในด้านลบ ผู้ประกอบการควรอธิบายเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นควบคู่กับแผนฉุกเฉิน เอาไว้ล่วงหน้า เพราะนอกจากจะได้เป็นการเตรียมการในการแก้ปัญหาแล้ว ยังทำให้ผู้ร่วมลงทุน และสถาบันการเงินเห็นความพร้อมของเราอีกด้วย

MODIFY FOR BUSINESS SUITABILITY

Package

แผนธุรกิจ1
แผนธุรกิจ 2
แผนธุรกิจ 3
แผนธุรกิจ 4

Share this post

Tag : #SurveyMarketThailand #Survey #Data #DataCollect #DataCollection #PrimaryResearch #FieldSurvey #เก็บแบบสอบถาม #รับจ้างเก็บแบบสอบถาม #วิจัยตลาด #รับทำแบบสัมภาษณ์ (In-deep Interview) #ทำFocus Group ระดับป.โทและดุษฎีนิพนธ์ #รับเก็บแบบสอบถาม (Questionaire) #หน่วยงานรัฐ #เอกชน #นักศึกษา #รับสำรวจตลาด #วิจัยตลาด #สอบถามข้อมูลร้านค้าหรือการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค #รับจัดEvent #แผนการตลาด #แผนธุรกิจ #กรุงเทพ #ต่างจังหวัด #รับคีย์ข้อมูล ทั้งในหน่วยงานรัฐและเอกชน #ห้างร้านต่างๆ #เก็บข้อมูลทางสถิติ ทางบัญชี #จัดทำระบบข้อมูลอย่างสมบูรณ์ #รับวิเคราะห์ #รับประมวลผล #ทางสถิติ ที่เป็นทั้ง #สถิติพื้นฐาน #หาค่าเฉลี่ย (mean) #หาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) #หาค่าเฉลี่ยสูงสุดต่ำสุด (Min-Max Variable) #รับทดสอบสมมติฐานทางสถิติ เช่น T-Test, Anova Correlation Regresstion หรืออื่นๆ #รับทดสอบความเชื่อมั่นและความเที่ยงตรงของแบบสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ เช่น #หาค่าความเที่ยงตรง (Validity) #ความเชื่อมั่น (Reliability) #ความยากง่าย (Difficulty) #อำนาจจำแนก (Discrimination) #ความเป็นปรนัย (Objectivity) #รับทำหรือใช้โปรแกรมทางสถิติอันได้แก่ โปรแกรม #รับทำ SPSS SAS Eview MINI-tab M-stat Endnote SAS Statt View Graph Prism ,โปรแกรม R, LISREL, Mathcad, MedCalc, MINITAB, MS-EXCEL, STATA, S-PLUS และอื่นๆ #รับทำ presentation  #รับทำ Powerpoint #SurveyMarketThailand #Survey #Data #DataCollect